วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2555

บทที่ 6 การจัดวางกีตาร์และท่านั่ง

      การจัดองค์ประกอบของกีตาร์ให้เหมาะสมกับร่างกายของ ผู้เล่น เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้มีอยู่หลายวิธีที่นิยมกัน แต่มีท่าที่ได้รับการยอมรับกันมากที่สุดก็คือการจัดวางกีตาร์ให้อยู่ใน ลักษณะทำมุมกับตัวผู้เล่นประมาณ 45 องศา (ดูที่รูป)
ซึ่งการเล่นกีตาร์คลาสสิกจำเป็นอย่างยิ่งที่กีตาร์จะต้องอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงเพื่อให้สอดคล้องกับการบรรเลง
ดังนั้น การนั่งเล่นจึงเป็นท่าดูจะเหมาะสมมากที่สุด และการที่จะทำให้กีตาร์อยู่ในตำแหน่งที่ทำมุมพอดีกับร่างกาย
จำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือบางอย่างเข้ามาช่วยเช่น



ที่วางเท้า (Footstool)
ป็นอุปกรณ์ที่ใช้วางเท้าซ้ายซึ่งจะวางกีตาร์อีกทีหนึ่ง หนุนให้กีตาร์ทำมุมกับร่างกายซึ่งเป็นท่าที่เหมาะสมในการเล่นกีตาร์

(บทนี่ผมเข้าใจว่าหลายๆคนดูรูปเเล้วคงจะเข้าใจ เลยไม่อธิบายมาก)

บทที่ 5 อุปกรณ์ประกอบการเล่นกีต้าร์คลาสสิค


    มาถึงบทนี้ ที่จริงมันก็ไม่ได้สำคงสำคัญอะไรมากมายนักหรอก

สำหรับคนที่เล่นเพื่อหนุกๆ เพื่อเท่ห์ๆ หรืออีกหลายๆเหตุผลส่วนตัว
ครั้งแรกที่ผมหัดเล่น ก็แบบบ้านนอกๆนั้นแหล่ะคับ มีกีต้าร์ตัวเดียว
เทคนงเทคนิคอะไรก็มีไม่มากมาย นั่งเล่น ยืนเล่นเหมือนกีต้าร์
โปร่งทั่วไป ก็ไม่ได้คิดว่าจะไปประกงประกวดไรที่ไหนนิ มากสุดก็
แค่เล่นอัดลงยูทูบโชว์สาว โชว์เพื่อนให้มันอายเรา แค่นั้น นั่นคือ
ผมๆอะไรง่ายๆสบายๆ ไม่ต้องระบงระเบียบมาก

แต่สำหรับคนที่จะเล่นแบบจิงจัง หรืออาจจะวางแผ่นอนาคตกับเรื่อง
นี้มันก็สำคัญมากนะคับ คือมันเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้เราเล่นได้ง่ายขึ้น
ช่วยให้เรามีพื้นฐานการเล่นที่ถูกต้อง ที่ดี อุปกรณ์เหล่านี้ประกอบไป
ด้วย


1.กีต้าร์คลาสสิค แน่ล่ะคับ เล่นกีต้าร์ มีกลองก็ไม่บ้าหรอก แต่ก็
ไปหาซื้อซะ(อ่านบทที่ 2)

2.เก้าอี้ ถามว่าสำคัญไหม แน่ล่ะคับ หรือคุณจะมาฝึกนั่งเล่นบนพื้นก็
ตามใจ

3.ที่วางเท้า คือมันจะช่วยยกระดับเท้าเราให้วางกีต้าร์ได้องศานะ
สำหรับผมว่ามันไม่ค่อยสำคัญเท่าไร แต่ใครอยากจะเอาให้ครบสูตร
เขาก็ไม่ควรพลาด

4.เครื่องกำกับจังหวะ มือใหม่ควรมีมากๆเลย แต่ถ้าไม่มีก็เอา
นาฬิกาที่แขวนไว้ใกล้ๆมากใช้แทนก่อนก็ได้

5.การไว้เล็บให้เหมาะกับการเล่น ไม่ต้องอาย (มือใหม่ยังไม่ต้อง
ไว้ก็ได้)

6.สายสำรอง เล่นๆไปขาด บ้านอาจไกลร้านค้ามาก ซื้อๆไว้
สำรองเถอะ

7.กระจกเงา ไว้ดูหน้าตาของเราหล่อไหม สวยยัง....ไว้ดู
ตำแหน่งมือและท่านั่ง ก็ไม่สำคัญเท่าไรนะคับ

8.Stsnd ตั้งกีต้าร์ ใช้สำหรับวางกีต้าร์ หลังจากเล่นก็ตั้งไว้ ผมไม่มีนะ จะใส่กล่องหรือพิงตู้เสื้อผ้าไว้หลังจากเล่นเสร็จ

9.Tuner ใช้สำหรับตั้งสายกีต้าร์ (มือใหม่จำเป็น)

10.Stand วางโน๊ต ใช้สำหรับวางโน๊ตและหนังสิอ

สรุปสำหรับผมและคนงบน้อยนะคับ ข้อที่ 1 2 4 9 จำเป็นมากคับ
แต่เจ้าเครื่อง Tunner ตั้งสายกีต้าร์(4)ส่วนมากแล้วมันจะเป็นเครื่อง
นับจังหวะได้ด้วย(9) หรือใครเห็นว่างสิ่งไหนจำเป็นสำหรับตัวเองมากน้อยยังใงก็เเล้วเเต่ท่านเถอะนะคับ

บทที่ 4 การตั้งสายกีต้าร์ (Tuning)

          หลังจากที่เราใส่สายกีต้าร์เสร็จเเล้ว ก็มาถึงการตั้งสายกีต้าร์ เเต่ก่อนที่เราจะตั้งสายควรที่จะรู้ชื่อของตัวโน๊ตประจำสายกันเสียก่อน คือเสียงที่เป็นมาตรฐานทั่วไปโดยที่เราไม่ได้กดนิ้วลงสายเลยในช่อง Frets เลย


ดูนะครับ ตัวโน๊ตประจำสาย



สายที่
6 = E (สายบน สายใหญ่สุด)
5 = A
4 = D
3 = G
2 = B
1 = E (สายล่าง สายเล็กสุด) ภาพในมุมกลับนะครับ


เมื่อเรารู้ตัวโน๊ตประจำสายเปล่าเเล้ว ต่อไปเป็นการตั้งสายกีตาร์
การตั้งสายกีต้าร์นั้นมีอยู่หลายวิธีๆเเรก สำหรับผู้ที่ฝึกใหม่ๆเลยที่ผมจะเเน่นำ คือการถือกีต้าร์ครับ ถือหรือเเบกไปเลย ไปหาคนที่เขาตั้งเป็น ไม่ต้องอายครับ ก็เราไม่รู้จริงๆ มันไม่รู้จิงๆนะครับสำหรับมือใหม่ อายครูไม่รู้วิชาครับ ผมเมื่อตอนหัดเล่นกีต้าร์ใหม่ๆ ผมหัดมาจากน้องผมเอง ไม่อายคับ ไปบังคับมันให้สอนทุกๆวันจนมีพื้นเเล้วหาความรู้ต่อเอง


วิธีต่อมา คือการตั้งเสียง จาก เครื่องตั้งเสียง อิเลคโทนิค (Electronic Tuning) ก็ หลายตังค์อยู่นะคับ เเล้วเเต่คุณภาพ เเล้วเเต่ยี่ห้อ หรือไม่อีกวิธีก็ลองเซิร์ดหาในอินเทอร์เน็ตดูนะคับ โปรเเกรมตั้งเสียงก็มีต้องลอง



เครื่องตั้งเสียงอีเล็คโทรนิค (Electronic Tuning)




วิธีสุดท้ายที่ผมจะเเน่ะนำ คือส่วนมากแล้วเป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากและง่ายคือการตั้งสายโดยการเทียบเสียงของแต่ละสาย การตั้งสายด้วยวิธีนี้จะต้องมีทักษะการฟังเสียงที่ดีในระดับหนึ่งเพื่อที่จะฟังออกว่าเสียงนั้นตรงตามโน้ตหรือยัง สำหรับคนที่เริ่มเล่นในตอนแรกอาจจะยังฟังแล้วแยกเสียงไม่ออก ก็แนะนำใช้เครื่องตั้งสายมาช่วยตั้งไปก่อน และก็พยายามหัดตั้งสายด้วยตนเอง การตั้งสายนั้นถือเป็นทักษะพื้นฐานส่วนหนึ่งที่คนหัดเล่นกีต้าร์ควรจะรู้เป็นอย่างแรก



การตั้งสายแบบมาตรฐาน ( Standard E ) ที่ชื่อ Standard E เพราะว่าโน้ตของสายแรกเป็นโน้ต E ส่วนโน้ตของสายอื่นจะเป็นดังรูปด้านบนโดยจะเริ่มตั้งจากสาย 1 จนถึงสายที่ 6 ( ตัวอักษรสีเหลื่องในรูปด้านบนคือโน้ตในตำแหน่งที่กด )


การตั้งเสียงของสาย 1 โดยปรับสายจนได้เสียงโน๊ต E ( ถ้าสามารถฟังเสียงของโน๊ตออก ) แต่ถ้ายังฟังเสียงโน้ตไม่ออกก็ไม่เป็นไร ก็ให้ปรับสายให้ตึงพอประมาณไม่ตึงหรือหย่อนจนเกินไป ( สำหรับคนที่เริ่มหัดเล่นไม่ต้องกังวลเรื่องโน้ตจะตรงหรือไม่ ถ้าเราเล่นหรือซ้อมคนเดียว แต่ถ้าเล่นเป็นวงแล้วส่วนมากก็จะใช้เครื่องตั้งสาย เพื่อความถูกต้องของเสียง และ ทั้งวงจะได้เล่นอยู่ในคีย์เดียวกัน )


การตั้งเสียงของสาย 2 โดยการกดที่ สาย 2 ช่อง 5 เทียบเสียงกับสายเปล่าสาย 1แล้วดีดทั้ง 2 เส้นเทียบกันถ้าระดับเสียงต่ำกว่า สาย 1 ก็ปรับให้สายตึงขึ้น ถ้าระดับเสียงสูงกว่าก็คลายสายให้หย่อนลงจนได้ระดับเสียงเดียวกัน


การตั้งเสียงของสาย 3 โดยการกดที่ สาย 3 ช่อง 4 เทียบเสียงกับสายเปล่าสาย 2 แล้วดีดทั้ง 2 เส้นเทียบกันถ้าระดับเสียงต่ำกว่า สาย 2 ก็ปรับให้สายตึงขึ้น ถ้าระดับเสียงสูงกว่าก็คลายสายให้หย่อนลงจนได้ระดับเสียงเดียวกัน


การตั้งเสียงของสาย 4 โดยการกดที่ สาย 4 ช่อง 5 เทียบเสียงกับสายเปล่าสาย 3 แล้วดีดทั้ง 2 เส้นเทียบกันถ้าระดับเสียงต่ำกว่า สาย 3 ก็ปรับให้สายตึงขึ้น ถ้าระดับเสียงสูงกว่าก็คลายสายให้หย่อนลงจนได้ระดับเสียงเดียวกัน


การตั้งเสียงของสาย 5 โดยการกดที่ สาย 5 ช่อง 5 เทียบเสียงกับสายเปล่าสาย 4 แล้วดีดทั้ง 2 เส้นเทียบกันถ้าระดับเสียงต่ำกว่า สาย 4 ก็ปรับให้สายตึงขึ้น ถ้าระดับเสียงสูงกว่าก็คลายสายให้หย่อนลงจนได้ระดับเสียงเดียวกัน


การตั้งเสียงของสาย 6 โดยการกดที่ สาย 6 ช่อง 5 เทียบเสียงกับสายเปล่าสาย 5 แล้วดีดทั้ง 2 เส้นเทียบกันถ้าระดับเสียงต่ำกว่า สาย 5 ก็ปรับให้สายตึงขึ้น ถ้าระดับเสียงสูงกว่าก็คลายสายให้หย่อนลงจนได้ระดับเสียงเดียวกัน
วิธี ที่ว่ามานี้เป็นที่นิยมกันมาสำหรับนักกีต้าร์ เเต่ก็มีข้อเสียถ้าผู้ที่ตั้งไม่มีประสาทหู ไม่มีทักษะที่ดีเยี่ยมก็อาจจะได้เสียงที่ผิดเพี้ยนไป

ลองมาดูวิธีการตั้งเสียงของกีต้าร์กันนะคับ เเต่เป็นเเบบกีต้าร์โปร่งนะ ก็ไม่เป็นไร....




บทที่ 3 การใส่สายกีต้าร์คลาสสิค

เเน่นอนครับ บล็อคนี้เกี่ยวกะกีต้าร์คลาสสิคเพียงอย่างเดียง ตั้งเเต่เบื้องต้น(ประวัติความเป็นมา)จนถึง......(ไปเรื่อยๆเนอะ)สำหรับผู้ รู้บางคนอาจจรู้เรื่องการตั้งสายเเล้วผ่านบทนี้ไปเลย
กีต้าร์มันมี 6 สายรู้ๆกันอยู่สำหรับผู้ที่เริ่มอ่านตั้งเเต่โพสต์เเรก เเต่ว่าอาจจะยังไม่รู้ว่าเเต่ละสายมันเป็นเสียงโน๊ตตัวไหน เเต่ก่อนจะถึงเรื่องนั้น ผมขอพูดถึงการใส่สายกีต้าร์คลาสสิคก่อน เพราะคนไม่รู้ ก็ไม่รู้จริงๆนะเรื่องนี้
ก่อนจะใส่สายต้องมีสายก่อน บางคนอาจจะยังไม่เข้าใจ คือสายกีต้าร์คลาสสิคจะเป็นสายไนล่อนนะคับ ไม่ใช่สายเหล็กเหมือนกีต้าร์โปร่งทั่วไป เเล้วก็ไม่ค่อยมีขายตามร้านทั่วไป คือหาซื้อยากคับ โดยเฉพาะตามต่างจังหวัด ถ้าเกิดเราไม่รู้ไปบอกคนขายขอซื้อสายกีต้าร์คลาสสิค คนขายก็ดันไม่รู้เรื่องเข้าใจว่ามันใช้เหมือนๆกันหยิบสายเหล็กมาให้ เอามาใส่รับรองกีต้าร์เราพังเเน่ๆคับ เเต่สำหรับในเมืองใหญ่ๆปัญหาเหล่านี้ไม่ค่อยมีหรอกคับ
การใส่สายกีต้าร์คลาสสิค มันไม่เหมือนการใส่สายกีต้าร์โปร่งทั่วไป คือ ใส่เสียบๆ เเต่กีต้าร์คลาสสิค เสียบเเล้วต้องพัน หรือผูกไว้ โดยการใส่สายกีตาร์คลาสสิคที่ตัว มีวิธีการใส่สายที่ Bridge Nut คือ (ดูรูปเลยเเล้วกัน)












ผลออกมาครับ สวยคับๆ จัดเเต่งทำให้สวยๆนะ
ต่อไปเป็นการใส่เเละพันสายของ Tuning Key (ดูตามรูปนะครับ)






ปล.สำหรับ สายที่เหลือยาวตรงหัวกีต้าร์จะตัดสั้นเพื่อความสวยงามหรือม้วนเป็นวงกลมไว้ นะคับเเต่สำหรับผมเองจะไม่ตัด เพราะเคยผิดพลาดมา คือถ้าตัดสั้นเกินสายอาจลืนหลุด พอจะใส่กลับเข้าไป ก็ใส่ไม่ได้ เพราะสั้นเกิน ต้องซื้อใหม่
อ่อ รูปภาพเอามาจากเวป๋ GUITARIST.VZE.COM เเละ learnland.net นะคับ

บทที่ 2 วิธีการเลือกซื้อกีตาร์สำหรับผู้เริ่มต้น



     การเลื้อกซื้อคลาสสิค กีตาร์ราคาถูก คุณภาพก็จะต่ำตามราคาลงไปด้วย อันนี้เรื่องจริง เมื่อคุณภาพต่ำ ทำให้เป็นอุปสรรคในการหัดเล่น กีตาร์คุณภาพต่ำไม่ได้หมายความว่าจะซื้อมาใช้แค่สองสามเดือนแล้วมันจะพังนะ ครับ คุณภาพต่ำในที่นี้หมายถึงคุณภาพเสียง และอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตกีตาร์
กีตาร์คุณภาพสูงหรือปานกลาง จะมีคุณภาพเสียงที่ดีกว่า แม้ว่าจะใช้สายคุณภาพต่ำ ระดับคุณภาพของเสียงก็จะเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย






วิธีการเลือกซื้อกีตาร์










กีตาร์ที่วางขายมีมากมายหลายแบบและระดับราคาต่างๆ กัน ผมอยากจะบอกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการซื้อกีตาร์คือซื้อตัวที่คุณชอบที่สุดทั้งในด้านของรูปร่างรูปทรง และเสียงของมันซึ่งถ้าคุณเลือกกีตาร์ที่คุณชอบจริงๆ มันจะทำให้คุณรักมันและมีความสุขที่จะหัดมากกว่าการที่ซื้อตามชาวบ้านเขาโดยไม่สนใจว่ามันจะเหมาะกับคุณหรือไม่ ส่วนหลักใหญ่ๆ ในการเลือกซื้อกีตาร์ก็ได้แก่


เลือกดูรุ่นที่คุณสนใจที่สุดอาจจะเป็นกีตาร์คลาสสิกที่เป็นสายไนล่อนสำหรับผู้ที่อยากเล่นกีตาร์คลาสสิก (ซึ่งควรจะไปเรียนกับโรงเรียนจะดีกว่าฝึกเอง) หรือกีตาร์โฟล์คสำหรับเล่นเพลงทั่วไป ซึ่งยังมีขนาดและรูปทรงต่างๆให้เลือกจากนั้นจึงดูรายละเอียดโดยรวม ได้แก่ ลักษณะทั่วๆ ไปเช่นมีรอยบุบ สีถลอก หรือรอยแตกหักต่างๆ บนตัวกีตาร์หรือไม่ ความเรียบร้อยของการทำสี จุดต่อต่าง ๆ ต้องไม่มีรอยปริแตก ดูที่ลายไม้ยิ่งลายไม้ขนานกันมาก และมีลายถี่มากๆ จะมีความแข็งแรง ควรหลีกเลี่ยงประเภทที่มีตาไม้


ดูว่าคอกีตาร์ตรงหรือไม่อาจสังเกตง่ายๆ โดยกดสายกีตาร์ที่ช่อง 1 และอีกมือกดที่ช่อง 19 ของสายเดียวกันแล้วสังเกตว่าระยะห่างระหว่างสายกีตาร์กับเฟร็ตทุกเฟร็ตจะต้องเท่ากัน นอกจากนี้ก็ดูที่เฟร็ตว่าประกอบเรียบร้อยหรือไม่บิดเบี้ยวมั้ย บนฟิงเกอร์บอร์ดมีรอยแตกมั้ย และระยะจากนัทไปยังเฟร็ต 12 กับระยะจากเฟร็ต 12 ไปถึงสะพานสายจะต้องมีระยะเท่ากัน ถ้าดูภาดตัดขวางคอกีตาร์จะมีทั้งแบบราบเรียบและแบบที่โค้งเล็กน้อยให้รับกับนิ้วมือก็ลองดูว่าคุณชอบแบบไหน


ลองหมุนลูกบิดดูว่าลื่นมั้ยล็อคสายอยู่มั๊ยมีคราบสนิม หรือร่องรอยถลอกหรือเปล่า มีการคดงอมั้ย เช็คดูทั้ง 6 ตัว


ตรวจสอบที่นัทและบริดจ์ ว่าสมบูรณ์หรือไม่รอยต่อสนิทมั้ย และตัวพินยึดสายกีตาร์ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์


คราวนี้ก็ลองกดสายกีตาร์ดูว่ากดยากมั้ยสูงต่ำไปมั้ย หมายถึงระยะแอ็คชั่นคือระยะระหว่างสายกับฟิงเกอร์บอร์ดควรสูงประมาณ 2 มม. ที่ช่องที่ 1 บนฟิงเกอร์บอร์ด


ลองดีดสายดูว่าเสียงเป็นที่น่าพอใจคุณมั้ย มีเสียงประหลาดแทรกระหว่างดีดมั้ย เช็คเสียงฮาโมนิคว่าสมบูรณ์มั้ยคือเสียงต้องปิ๊งและไม่มีเสียงประหลาดสอดแทรกมาโดยการดีดสายเปล่าแล้วใช้นิ้วมือแตะเบาๆ เหนือเฟร็ตที่ 12 ของสายเดียวกันแล้วดีดดูจะได้เสียงที่เป็นเสียงเดียวกันกับที่ดีดสายเปล่าแต่ระดับเสียงจะสูงกว่า ลองเช็คทุกๆ สาย

พาผู้รู้จริง พาไปเลือกซื้อกีตาร์ด้วยกันเลยครับ ไม่ต้องอาย เพราะไม่มีใครหรอกครับที่จะตรัสรู้ไปซะทุกๆเรื่อง เเต่ต้องรู้จริงๆ นะครับ ไม่ใช่ว่าเห็นลูกชายข้างบ้านมันเล่นกีตาร์เป็น ก็ชวนมันไปช่วยเลือกกีตาร์ ผู้ซื้อควรมีความรู้พื้นฐาน หรือเล่นกีตาร์เป็นบ้าง แน่นอนครับ ถ้าเล่นไม่เป็นแน่ะนำให้ไปยืมคนอื่นเล่นให้พอเป็นก่อน เพราะถ้าเล่นไม่เป็นก็จะลองเสียงไม่ได้ ไม่รู้ระดับทัชชิ่ง ไม่รู้ว่าคอใหญ่ไปหรือเปล่า ทีนี่พอซื้อมาแล้ว เล่นไม่ได้ ของใช้เลยกลายเป็นของโชว์ไปจริงๆ


กีตาร์ ตามร้านโดยมากจะไม่ตั้งสายเอาไว้พร้อมเล่น เพื่อป้องกันการคดงอของคอกีตาร์ เพราะว่าตามร้านไม่ตั้งสายไว้ให้ ถ้าเราตั้งไม่เป็นจะไปให้ใครตั้งให้ เดี๋ยวเจ้าของร้านมันรู้ว่าเราไม่เป็นจะโดนหลอกเอาได้ และที่สำคัญ การตั้งสายกีตาร์นั้น เป็นศาสตร์ที่คลาสสิคอย่างนึงนะครับ หากใครเล่นกีตาร์จนชำนาญ ก็จะสามารถตั้งเสียงให้ถูกคีย์โดยใช้หูเป็นมาตรฐานได้เลย แถมการตั้งเสียงนั้นยังมีตั้งหลายวิธี
อย่าด่วนใจร้อนรีบซื้อกีตาร์ ควรทดลองหลายๆ ยี่ห้อก่อน เอาที่เราพอใจที่สุด บางทีใจร้อนเกินไปก็ไม่ดี เพราะกีตาร์แต่ละยี่ห้อนั้น คุณภาพไม่ต่างกันเท่าไร ลองชั่งน้ำหนักของคุณภาพกับราคา แล้วศึกษาดูก่อน


อย่าง หนึ่งที่คุณควรจะรู้ไว้คือไม่มีกีตาร์ตัวไหนที่เพอร์เฟ็ค 100 % สามารถเล่นได้ทุกสไตล์ในโลก กีตาร์ตัวนี้อาจเหมาะกับเพลงนี้ แต่ไม่เหมาะกับอีกเพลงเป็นต้นเช่นเวลาคุณดูคอนเสิร์ทนักดนตรีบางคนหรือบาง คณะใช้กีตาร์เปลืองมากเพลงนึงก็ตัวนึงเป็นต้นดังนั้นคุณควรจะรู้ว่าคุณอยาก เล่นเพลงแบบไหน หรือชอบเสียงกีตาร์แบบไหนให้เลือกแบบที่คุณชอบก็พอ

หรืออีกอย่างสำหรับผู้ที่ไม่เเน่ใจตัวเอง อาจเป็นเพียงเพราะเห็นเขาเล่นเเล้วเทห์ หรือเดินผ่านได้ยินเสียงเพลงที่บรรเลงจากกีต้าร์คลาสสิคเเล้วใจง่ายไปหลงรัก กระทันหัน ผมเเน่ะนำให้ซื้อถูกๆไว้ก่อน เอามาลองดูก่อน เพราะเท่าที่ผมเห็นมารักง่ายหน่ายเร็วก็มีเยอะ ถ้าเกิดว่าเราเบื่อเเล้ว ไม่อยากเล่นจะได้ไม่เสียดายตังค์ เเต่สำหรับผู้ที่กระเป๋าหนังหน่อย ตังค์เยอะก็เอาตามวิธีข้างบนดีที่สุด

บทที่ 1 ประวัติความเป็นมาเเละโครงสร้างของกีต้าร์คลาสสิค (Classical Guitar)

   กีตาร์คลาสสิก เป็นเครื่องดนตรีประเภทที่ดีดด้วยนิ้วมือ มีพัฒนาการมาก่อนศตวรรษที่15 โดยพัฒนามาจากเครื่องดนตรีที่เรียกว่า วิเวลา(Vihuela)ซึ่งนิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายในประเทศสเปน ข้อแตกต่างของกีตาร์คลาสสิกกับกีตาร์ชนิดอื่น คือ ขนาดของคอกีตาร์ หรือ fingerboard ที่มีขนาดที่กว้างกว่ากีตาร์ชนิดอื่น และสายที่ทำด้วยไนล่อน หรือที่เรียกกันว่าสายเอ็น เพราะแต่เดิมใช้สายที่ทำมาจากเอ็นของสัตว์ กีตาร์อีกประเภทหนึ่งที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับกีตาร์คลาสสิก คือ กีตาร์ฟลาเมงโก (Flamenco Guitar)
กีตาร์ คลาสสิกนั้นให้เสียงในโทนพริ้วไหว สำหรับผู้ที่มีความชำนาญในการเล่นแล้ว กีตาร์คลาสสิกจะสามารถบันดาลเสียงทุกเสียงที่จะประกอบกันให้เป็นเพลงที่ ไพเราะจับใจได้อย่างสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็นท่วงทำนอง(MELODY)คอร์ด(CHORD) และเบสส์(BASS) ในการเล่นกีตาร์คลาสสิกนั้นผู้เล่นต้องใช้ความรู้ ความสามารถ และเทคนิคมากมายซึ่งในการฝึกหัดนั้นต้องใช้ทั้งเวลา และความพยายามอย่างสูง มันจึงกลายเป็นดาบสองคมไปเลยในบางครั้ง คือ แทนที่จะช่วยให้ท่านได้พบกับความซาบซึ้ง และแตกฉานทางดนตรี มันกลับทำให้ท่านท้อแท้หรือมีอคติกับดนตรี (คลาสสิก) ไปเลยก็ได้ กีตาร์คลาสสิกจึงจัดได้ว่ามีความสมบูรณ์ในตัวมันเองจนมีผู้กล่าวว่าการเล่น กีตาร์คลาสสิกนั้นไม่ต่างอะไรไปกับการเล่นของวงออร์เคสต้าร์ขนาดย่อมๆเลยที่ เดี่ยว


โครงสร้างของกีต้าร์คลาสสิค


ส่วนประกอบที่สำคัญมีดังนี้
  • ส่วนหัว (HEAD) เป็นไม้มีรูเจาะเป็นช่องยาว 2 ช่องในช่องยาวนี้จะมีแกนสำหรับใส่สายกีตาร์ ส่วนใหญ่เป็นพลาสติค หรือวัสดุจำพวกกระดูกและงาช้าง(ซึ่งจะมีราคาแผง)หรือแม้แต่แกนเหล็ก มีปลายยื่นออกมาด้านหลังเป็นลูกบิด 6 อัน ลูกบิดจะตั้งฉากกับพื้นเมื่อวางกีตาร์ในแนวนอน
  • ส่วนคอ (NECK) กีตาร์คลาสสิกนั้นจะมีคอที่ใหญ่กว่ากีตาร์อื่น ๆ ไม้ส่วนคอจะตรงและมีขนาดเท่ากันตั้งแต่สวนบนสุดถึงล่างสุดของคอ จำนวนเฟร็ต ถ้านับจากจุดต่อลำตัวจะมี 12 เฟร็ต บริเวณฟิงเกอร์บอร์ต (Fingerborad) จะมีจุดบอกตำแหน่งเฟร็ตบริเวณสันคอกีตาร์แทนที่จะอยู่บนฟิงเกอร์บอร์ตเหมือน กีตาร์ทั่วไป
  • ลำตัว (BODY) เป็นส่วนที่ยึดติดกับคอกีตาร์ ตั้งแต่เฟร็ตที่ 12 เข้ามาในกล่องเสียง (SOUND BOX) มีลักษณะ
เรียบ ด้านหน้า มีรูกลมเป็นโพรงเสียงอยู่ต่อจากด้านล่างสุดของคอส่วนล่างของโพรงเสียงจะมี บริดจ์ (Bridge) ที่ยึดสายกีตาร์ไว้กับลำตัวด้านหน้า
ข้อสังเกต กีตาร์คลาสสิกโดยมากจะใช้สายไนลอน สายเบส (4,5,6) จะเป็นสายที่พันด้วยเส้นโลหะเล็ก ๆ เช่น ทองแดง บรอนส์ ฯลฯ


ที่มา วิกิพีเดีย

เกริ่นนำอ่านกันก่อนสักหน่อย

     สำหรับบล็อคนี้ ผมสร้างขึ้นมาเพื่อผู้ที่มีความสนใจทางด้านกีต้าร์คลาสสิคแต่ไม่มีความรู้ไม่มีพื้นฐานทางด้านเรื่องนี้ และสำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสได้รับการเรียนรู้ทางด้านกีต้าร์คลาสสิคเพราะปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ขาดโอกาสในเรื่องของเวลา ผมจึงเห็นความสำคัญนี้จึงอยากที่จะนำความรู้ที่พอจะมีอยู่มาแบ่งให้สำหรับผู้ที่มีโอกาสน้อย
ปล. บางบทบางตอนผมสอนแบบบ้านๆกันเองๆนะคับ ก็อย่างจิงจังกับคำพูดมากนักนะ